05 มิถุนายน 2552

เครือข่ายรักษ์สิ่งแวดล้อม(คสล.) ถือโอกาสวันสิ่งแวดล้อมโลก ยื่นหนังสือ ถึงรัฐมนตรีสุวิทย์


 เครือข่ายรักษ์สิ่งแวดล้อม(คสล.) ถือโอกาสวันสิ่งแวดล้อมโลก ยื่นหนังสือ ถึงรัฐมนตรีสุวิทย์

ทวงถาม ความชัดเจนกรณีป่าดงใหญ่

  

เครือข่ายรักษ์สิ่งแวดล้อม (คสล.) นำโดยนายวิสูตร เพียรพัฒน์ ประธานชมรม OK Natureนายนิพัทธ์พงษ์ ชวนชื่น ผู้ก่อตั้งและเว็บมาสเตอร์ Trekkingthai.com นายเจนวุฒิ เทศแก้ว ตัวแทนจากมูลนิธิกองทุนสิ่งแวดล้อมไทย พร้อมด้วยตัวแทนเครือข่ายรักษ์สิ่งแวดล้อม เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง นาย

สุวิทย์ คุณกิตติ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในโอกาสที่เดินทางไปเป็นประธานเปิดงานวันสิ่งแวดล้อมโลก ของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม  เพื่อทวงถามถึงความชัดเจนในการจัดการพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ อ.โนนดินแดง  .บุรีรัมย์ 


สืบเนื่องจากจากที่มีประชาชนในพื้นที่ ออกมาคัดค้านการให้เอกชนเช่าพื้นที่ปลูกยูคาลิปตัส รวมทั้งเคยทำเรื่องเสนอไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ถึงการที่กรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดให้สัมปทานเอกชนเข้าไปทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนดงใหญ่ ทับซ้อนที่ทำกินเดิมของราษฎร 

ประกอบกับ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่เป็นส่วนหนึ่งของผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ที่ถูกประกาศเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ในเอกสารเผยแพร่ของกรมอุทยานแห่งชาติ ฯ ได้เอ่ยถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ ไว้ว่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่มีพื้นที่ติดกับอุทยานแห่งชาติทั้ง 3 ด้าน ทำให้บริเวณมีความอุดมไปด้วยพืชอาหารสัตว์  จึงมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่อย่างชุกชุม  มีทั้งสัตว์ป่าที่หายากและใกล้สูญพันธุ์อาศัยอยู่ 

อีกทั้งได้รับการบอกเล่าจากประชาชนในพื้นที่ว่าเคยพบเห็นคูปรี  สัตว์ป่าสงวน 1 ใน 15 ชนิด สัตว์ป่าที่สำรวจพบชนิดอื่นๆ เช่น เลียงผา  ช้างป่า กระทิง  วัวแดง เสือ  หมี เก้ง กวางป่า กระจงเล็ก หมาไน หมาจิ้งจอก หมูป่า ชะมด อีเห็น ลิง ชะนี และสัตว์เลื้อยคลาน เช่น จระเข้  ตะกวด  ตะพาบน้ำ  เต่า  งูชนิดต่างๆ  นอกจากนี้ ยังพบนกประมาณ 150 ชนิด เช่น นกยูง  ไก่ฟ้าพญาลอ  นกกก นกแก๊ก นกเขาเปล้า เป็นต้น  


ทั้งนี้ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่นั้น เดิมเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติดงใหญ่  อยู่ในพื้นที่ อ.ปะคำ  และ อ.ละหานทราย ต่อมาเมื่อได้ประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเมื่อ 22 พฤศจิกายน 2539  มีเนื้อที่ 312.77 ตารางกิโลเมตร  ในพื้นที่ อ.ปะคำ และ อ.โนนดินแดง   .บุรีรัมย์  ซึ่งในระหว่างการจัดตั้งนั้น ปรากฏว่าพื้นที่บางส่วนมีประชาชนเข้ามาบุกรุก แผ้วถางทำกิน จนมีการใช้มาตรการทางกฏหมายอพยพประชาชนที่บุกรุกเหล่านี้ออกจากพื้นที่  ซึ่งพื้นที่ที่อพยพประชาชนออกมานั้น บางส่วนได้กลายมาเป็นแปลงปลูกยูคาลิปตัสดังในปัจจุบัน


ซึ่งจากการเข้าไปตรวจสอบหลังได้รับการร้องเรียน ผ่านโครงการ “ยุทธการพันตา” ที่เครือข่ายรักษ์สิ่งแวดล้อมได้จัดทำขึ้น พบว่า ตั้งแต่ปากทางที่บรรจบถนนหมายเลข 348 (ละหานทราย-ตาพระยาเข้าไปยังหน่วยพิทักษ์ป่าละเลิงร้อยรู  ตลอด 2 ฝั่งถนน  เป็นพื้นที่ปลูกป่ายูคาลิปตัส ระยะทางนับ 10 กม.  โดยแปลงปลูกยูคาลิปตัสเหล่านี้จะแบ่งเป็นล๊อค บางล๊อคมีป้ายบอกถึงบริษัทที่ได้รับสัมปทาน นอกจากนี้ ยังมีป้ายจับจองพื้นที่ว่าเป็นของหมู่บ้านใด  ขณะเดียวกัน บริเวณนั้นๆ ป่ายูคาลิปตัส ก็ยังมีป้ายประกาศ “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า” ทั้งยังมีร่องรอยออกหากินของสัตว์ป่า เช่น  ช้าง กระทิง ชุกชุม  มีป้ายเตือนให้ระวังช้างป่าติดอยู่ตามเส้นทาง บ่งชี้ถึงว่าพื้นที่เหล่านี้เป็นแหล่งหากินของสัตว์ป่าอยู่


ตัวแทนเครือข่ายรักษ์สิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ทางเครือข่ายฯ จึงต้องการทวงถามถึงความเป็นจริงของการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านกับนายทุน และผืนป่า ที่เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของมรดกโลกเขาใหญ่-ดงพญาเย็น  ว่าเหตุใด เมื่อกันคนในพื้นที่ออกมา จึงนำมาให้เอกชนเช่าปลูกยูคาลิปตัสได้ แทนที่จะปลูกป่าเสริมเพื่อฟื้นสภาพป่าให้กลับมาดังเดิม  รวมทั้งการดำเนินการเช่นนี้ จะขัดกับเงื่อนไขของการเป็นมรดกโลกหรือไม่  กรมอุทยานฯ จะแก้ไขอย่างไร รวมถึงการนำยูคาลิปตัสอันเป็นพืชต่างถิ่นเข้าไปปลูกในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจะขัดแย้งกับหลักการการจัดตั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือไม่


และในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ทางเครือข่ายรักษ์สิ่งแวดล้อม(คสล.) เห็นว่าควรที่จะนำพื้นที่ปลูกยูคาลิปตัสเหล่านี้ มาปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูสภาพให้เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารดังเดิม    

 

สำหรับเครือข่ายรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มนักเคลื่อนไหวอนุรักษ์ด้านสิ่งแวดล้อม จากชมรม และเว็บไซด์ต่างๆ  มูลนิธิกองทุนสิ่งแวดล้อมไทย, กลุ่มคนรักษ์อุทยาน ในห้อง Blue Planet   ของเว็บไซด์ pantip.com, เว็บไซด์ HYPERLINK "http://www.trekkingthai.com"  trekkingthai.com, ชมรมนักนิยมธรรมชาติ,  ชมรม OK Nature  ในเว็บไซด์ oknation.net , ตะลอนรักษ์เมืองไทย และเว็บไซด์  HYPERLINK "http://www.tawanyimchang.com" tawanyimchang.com


โดยเครือข่ายรักษ์สิ่งแวดล้อม(คสล.) จะรวมตัวกันเพื่อเคลื่อนไหว เพื่อการอนุรักษ์และดูแลป่าไม้ และทรัพยากรธรรมชาติ  ด้วยกันช่วยกันสอดส่อง เฝ้าระวังการเข้าไปฉกฉวยประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ โดยกลุ่มคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และทำให้ป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติได้รับความเสียหาย  


ล่าสุด เครือข่ายเครือข่ายรักษ์สิ่งแวดล้อม(คสล.) ได้ร่วมกันจัดตั้งโครงการ”ยุทธการพันตา” ขึ้นมา เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วน ได้มีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังทางธรรมชาติร่วมกัน ซึ่งผู้ที่พบเห็นสิ่งที่ผิดปกติจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ หรือการเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติ สามารถแจ้งได้ที่  HYPERLINK "mailto:1000eyesnetwork@gmail.com" 1000eyesnetwork@gmail.com

โดยเรื่องที่ได้รับแจ้งเข้ามาจะนำมาเผยแพร่สู่สาธารณะ ที่เว็บไซด์  HYPERLINK "http://sites.google.com/site/1000eyesnetwork" http://sites.google.com/site/1000eyesnetwork ทั้งข้อร้องเรียนและคำชี้แจงจากฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สาธารณชนได้รับรู้โดยทั่วกัน